tag:blogger.com,1999:blog-73122086947712610132024-03-13T12:00:20.549+07:00คุณธรรมจริยธรรมAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/08552776944961293740noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-7312208694771261013.post-66462372784778822942014-11-19T18:24:00.002+07:002014-11-19T18:32:03.411+07:00<h4>
<b>คุณธรรมจริยธรรมความเป็นครู</b></h4>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-wVtw86zbpN0/VGx0IuXv4RI/AAAAAAAAAFo/Zq0OzeeFpWY/s1600/183980.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-wVtw86zbpN0/VGx0IuXv4RI/AAAAAAAAAFo/Zq0OzeeFpWY/s1600/183980.jpg" height="290" width="400" /></a></div>
<br />
<b><br /></b>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<br />
การประเมินวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู เพื่อให้ข้าราชการครู และบุคลากรทางทางการศึกษามีและเลื่อนวิทยฐานะ(ชำนาญการพิเศษ) จะประเมินใน 6 เรื่อง ได้แก่<br />
1.พฤติกรรมการรักษาระเบียบวินัย ได้แก่ การควบคุมการประพฤติปฏิบัติของตนเองให้อยู่ในกฎระเบียบของหน่วยงานและสังคมในกรณีมีความรับผิดชอบและซื่อตรงต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดถือประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ<br />
2.การประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ได้แก่ พฤติกรรมการปฏิบัติทั้งพฤติกรรมส่วนตนและพฤติกรรมการปฏิบ้ติงาน ทั้งในเรื่องความสามัคคีและวิถีประชาธิปไตยในการดำเนินชีวิต<br />
3.การดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม ได้แก่ การประพฤติปฎิบัติตนในการดำรงชีวิตที่ยึดหลักความพอเพียง การหลีกเลี่ยงอบายมุข การรู้รักสามัคคีและวิถีประชาธิปไตยในการดำเนินชีวิต<br />
4.ความรักและศรัทธาในวิชาชีพ ได้แก่ ความพึงพอใจและอุทิศเวลาในการปฏิบัติงานในหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ โดยมุ่งผลสำเร็จที่เป็นความเจริญก้าวหน้าของการจัดการศึกษา<br />
5.ความรับผิดชอบในวิชาชีพ ได้แก่ การปฏิบัติงานในหน้าที่โดยคำนึงถึงความถูกต้อง ความซื่อสัตย์สุจริต และผลประโยชน์ของหน่วยงานและผู้รับบริการเป็นสำคัญ<br />
6.ค่านิยม และอุดมการณ์ของความเป็นครู และบุคลากรทางการศึกษา ได้แก่ ค่านิยมพื้นฐาน 5 ประการ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ<br />
<b><br /></b>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<b></b><br />
<h4>
<b>ประเพณีไทย</b></h4>
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-oLPUV_W4ghI/VGx13aFd8hI/AAAAAAAAAF0/lZ38_VinU-g/s1600/s1-c-490x282.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-oLPUV_W4ghI/VGx13aFd8hI/AAAAAAAAAF0/lZ38_VinU-g/s1600/s1-c-490x282.jpg" height="230" width="400" /></a></div>
<br />
<h3>
ประเพณีสงการนต์</h3>
<div>
<br /></div>
ประเพณีหนึ่งที่สำคัญของประเทศไทย ได้แก่ ประเพณีสงกรานต์ ซึ่งเป็นประเพณีไทยที่กระทำกันในระหว่างวันที่ 13, 14, 15 ของเดือนเมษายน แต่เดิมประเพณีสงกรานต์มีขึ้น เพื่อต้อนรับพระอาทิตย์ ซึ่งส่องแสงและให้ความอบอุ่นแก่โลก ต่อมาชาวไทยถือว่าเป็นงานเพื่อระลึกถึงปู่ ย่าตายาย และเป็นงานรื่นเริงในฤดูร้อนพร้อมกันไปด้วย เมื่อถึงวันที่มีประเพณีไทยสงกรานต์ประชาชนชาวไทยทั้งหญิง และชาย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะพากันไปวัดในตอนเช้า พร้อมทั้งนำอาหารและดอกไม้ธูปเทียนไปถวายพระ...<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-YKAC6f3dtDg/VGx58U5cNKI/AAAAAAAAAGM/d1F9yAqL5MQ/s1600/1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-YKAC6f3dtDg/VGx58U5cNKI/AAAAAAAAAGM/d1F9yAqL5MQ/s1600/1.jpg" height="298" width="400" /></a></div>
<br />
<h3>
ประเพณีขึ้นปีใหม่ </h3>
<div>
<br /></div>
คนไทยเราถือกันว่าปีหนึ่งมี 12 เดือน ซึ่งนับอย่างไทยก็เริ่มที่เดือนอ้ายเดือนยี่เดือนสามเรื่อยไปจนถึง เดือนสิบสอง เมื่อสมัยก่อนคนไทยเรานับวันขึ้นปีใหม่ในเดือนห้า (เมษายน) แต่ในปัจจุบันได้กำหนดวัน ขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 เดือนมกราคมตามแบบสากล คนไทยเราถือว่าปีใหม่เป็นปีที่เราหวังจะมีชีวิตที่ดีกว่า เดิมในทุก ๆ ทาง ดังนั้นเมื่อถึงวันปีใหม่ตามประเพณีไทย เรานิยมทำบุญโดยการตักบาตร ไปอวยพรญาติและมิตรสหาย ขอพรจากผู้ใหญ่<br />
<br />
<br />
<h4>
การละเล่นของไทย</h4>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-trf59BA0R3I/VGx7vziDUMI/AAAAAAAAAGY/ikaM1CbEN2U/s1600/570518-aec5.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-trf59BA0R3I/VGx7vziDUMI/AAAAAAAAAGY/ikaM1CbEN2U/s1600/570518-aec5.jpg" height="320" width="400" /></a></div>
<br />
การละเล่นของไทยเท่าที่ปรากฏเป็นหลักฐานก็ว่า มีมาแต่กรุงสุโขทัย แต่ที่ปรากฏในบทละครเรื่องมโนห์ราครั้งกรุงศรีอยุธยา คือ การเล่นว่าว ลิงชิงเสา ปลาลงอวน บทละครเรื่องนี้ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า แต่งก่อนสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ การละเล่นของไทยแต่เดิมมา และบางอย่างยังคงปรากฏอยู่จนทุกวันนี้ หากมีการสืบทอดวิธีเล่นบางอย่างที่ดีงาม นำมาปรับให้เข้ากับยุคสมัยก็จะเป็นประโยชน์แก่สังคมไทย ไม่เฉพาะแต่การพัฒนาบุคคลเท่านั้น ยังช่วยพัฒนาสังคมอีกด้วย<br />
<br />
การละเล่นต่างๆ ย่อมจะแตกต่างกันไปตามวัยของบุคคล และตามสภาพท้องถิ่น การละเล่นของไทยก็เช่นเดียวกัน แต่การละเล่นบางอย่างไม่สามารถจะชี้ขาดลงไปได้ว่า เป็นการละเล่นของเด็กหรือของผู้ใหญ่ เช่น การเล่นว่าว การเล่นช่วงชัย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากวิธีการเล่นต่างๆ จะเห็นได้ว่า การละเล่นของไทยมีคุณค่าในทางเสริมสร้างพลานามัย ประเทืองปัญญา ช่วยให้อารมณ์แจ่มใส ฝึกจิตใจให้งดงาม มีความสามัคคี และช่วยสร้างคนดีให้สังคม<br />
<br />
<br />
<br />
<h4>
วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา</h4>
<div>
<br /></div>
<h3>
</h3>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-EQyvYGmWyYE/VGxxn791oJI/AAAAAAAAAFQ/Sc_DtIj3Khg/s1600/screen_56003.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-EQyvYGmWyYE/VGxxn791oJI/AAAAAAAAAFQ/Sc_DtIj3Khg/s1600/screen_56003.jpg" height="301" width="400" /></a></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<h3>
วันมาฆบูชา</h3>
</div>
<div>
<br /></div>
<span style="font-weight: normal;">เป็นวันที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานพระโอวาทสำคัญอันถือได้ว่าเป็นหัวใจของคำสอนในพระพุทธศาสนา คือ โอวาทปาฏิโมกข์ ในวันเพ็ญ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ) เดือนสาม ดวงจันทร์โคจรมาเสวยมาฆฤกษ์ แต่ถ้าปีใดมี อธิกมาส คือ เดือนแปดสองแปด วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันเพ็ญกลางเดือนสี่ เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นที่ พระเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ รัฐมคธ ในปีแรกของการตรัสรู้ของพระพุทธองค์ คือ หลังจากตรัสรู้แล้วได้ ๙ เดือน ความประจวบกันพอดีของเหตุการณ์ในวันนี้ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ มีสี่ประการคือ</span><br />
ประการแรก เป็นการมาชุมนุมกันของพระสงฆ์สาวก จำนวน ๑,๒๕๐ รูป เพื่อเฝ้าพระบรมศาสดา โดยมิได้นัดหมาย<br />
ประการที่สอง พระสงฆ์สาวกดังกล่าวล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น<br />
ประการที่สาม พระสงฆ์สาวกดังกล่าวล้วนแต่ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าด้วยวิธี เอหิภิกขุอุปสัมปทา<br />
ประการที่สี่ วันนั้นดวงจันทร์เพ็ญเสวยมาฆฤกษ์เต็มบริบูรณ์<br />
ความพร้อมกันขององค์สี่ประการจึงเรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต<br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08552776944961293740noreply@blogger.com0